แม้ว่าร้านจะเพิ่มฉลองอายุ 20 ปีไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา แต่ถ้านับเฉพาะในยุคที่ได้เชฟ Tim Butler มาร่วมงานซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของ Eat Me ก็เฉียดทศวรรษพอดี
รอบเวลา 10 ปีที่ผ่านมา เราก็ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของวงการร้านอาหารบ้านเราอย่างมากทีเดียว โดยเฉพาะวงการ Gastronomy ที่ RAW ได้มีโอกาสข้องแวะอยู่บ้าง จำได้ว่าในยุคที่บูมมากๆ ก็ได้ไปงานเปิดตัวร้านอาหาร บาร์ ไปงาน Dinner event ดีๆ หลายแห่ง เรียกว่าเป็นยุคที่สื่อและนักข่าวสายอาหารได้แจ้งเกิดกันหลายรายด้วย ถึงกับกล่าวกันว่ายุคทองของร้านอาหารระดับ Gastronomy ของไทยได้เกิดขึ้นแล้วล่ะ เราจะเทียบชั้นสิงคโปร์กันแล้ว
แต่ในความจริง จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ มีคนสรุปได้สั้นๆ ว่า เป็นเพราะคนกินหรือฟู้ดดี้บ้านเรายังมีมากพอที่จะซัพพอร์ตทุกร้านอาหารเหมือนสิงคโปร์ เหมือนฮ่องกง หรือเมืองอาหารดังๆ ในโลกนี้ ทำให้หลายรายต้องถอนตัว เชฟหลายคนปรับเปลี่ยนงานไปตามชะตาชีวิต
หนึ่งในเชฟที่คงกระพันก็คือคนนี้ Tim Butler ถ้าคุณได้เคยชิมอาหารของเขาแล้ว จะไม่แปลกใจเลย อาหารสไตล์ Comfort food ที่ผ่านการคิด การเลือก การปรุงลงตัวอย่างดี อันดับแรกที่เชฟให้ความสำคัญคือ วัตถุดิบที่โคตรจะดี โดยเฉพาะเนื้อสัตว์และอาหารทะเลเป็นเกรดดีที่สุดที่เชฟจะหามาได้จากทั่วโลก (รวมทั้งในไทยที่ใช้ผักสมุนไพรเป็นหลัก) ซึ่งทั้งหมดอยู่ภายใต้เงื่อนไข sustainable sourcing ที่เขาให้ความสำคัญมาตลอด แต่แน่นอนว่าเมนูขายดีตลอดกาลและสร้างชื่อให้เชฟและ Eat Me ก็คือเนื้อโทมาฮ็อก ที่กลายเป็นตำนานของเมืองไทยไปแล้ว
ส่วนกรรมวิธีการครัวของเชฟก็สะท้อนผ่านบุคลิกของเขานั่นแหละ ดูง่ายๆ สบายๆ ดิบเท่ แต่มีของนะโว๊ย 555 การปรุงอาหารก็เช่นกัน เน้นใช้วิธีดั้งเดิมแบบคลาสสิกเพื่อให้หน้าตารสชาติและเนื้อสัมผัสอาหารยังคงธรรมชาติของมัน อาหารก็เป็นชิ้นเป็นอันเต็มปากเต็มคำทั้ง กุ้ง หอย ปู ปลา เนื้อต่างๆ เสิร์ฟมาดูก็รู้อะไรเป็นอะไร ไม่ต้องมาเดาไม่ต้องมาเสี่ยงดวงเหมือนบางร้านที่ใช้สไตล์ Modern มั่ง Gastronomy มั่ง ทำอาหารฟิวชั่นออกมาเป๋ๆ เป็นปูขาเกเดินเซไปมา น่าละเหี่ยใจ ที่น่าโมโหที่สุดคือดันชาร์จแพงซะด้วย เสียดายแทนคนไปจ่ายเงิน มากินที่นี่แล้วจะบอกคุ้มกับที่จ่ายไป
จุดเด่นของเชฟนอกจากวัตถุดิบดีแล้ว การออกแบบรสชาติโดยใช้ซอสและส่วนประกอบอื่นๆ ก็เข้าขั้นเทพเลยแหละ แต่ละอย่างล้วนเข้ามาเพื่อเติมความสนุกและอร่อยให้ทุกอย่างทุกจานกลมกล่อมลงตัว โดยเฉพาะปีหลังๆ มานี้เชฟใช้รสจัดจ้านแต่กลมกล่อมสดใหม่ไปด้วยสมุนไพรจากอาหารไทยมาผสมผสานกับอาหารของตัวเอง ซึ่งได้ผลลัพธ์ที่ดีมากๆ เป็นการกำจัดจุดอ่อนของอาหารฝรั่งที่เมื่อกินถึงจุดๆ นึงมันจะเลี่ยนจนไปต่อไม่ไหว (ต้องเปลืองไวน์มาช่วยเบรค)
Eat Me มีเครดิตติดลิสต์ 50 ร้านดีที่สุดในเอเชียมาตลอดหลายปี ปี 2017 ที่มิชลินเข้ามาไทยครั้งแรกก็ติดในลิสต์ Plate แฟนๆ ลุ้นใจขาดอยากให้ได้ดาวกับเค้าบ้าง ทว่า ปีล่าสุด 2018 ที่เพิ่งประกาศเมื่อกลางพฤศจิกายนที่ผ่านมา ท้องฟ้าของ Eat Me ก็ยังคงไร้ดาวอยู่.... (โอ๊ย! วัยรุ่นแอบเสียจัยยยย แทน)
WELLFLEET OYSTERS champagne granita + red wine mignonette
เริ่มกระตุ้นน้ำย่อยกันด้วยนี่ก่อนเลย Oyster ตัวเขื่อง ท็อปด้วยคาร์เวียร์ดำทมึน ซวบทีเดียวเคี้ยวกรุบกรอบกำซาบรสทะเล แล้วซดตามด้วย โซวีญอง บล็อง ไร้ที่ติครับ
SHIMA AJI TARTAR sesame + chili + coriander
ต่อด้วยปลาชิมะหั่นเต๋าคลุกด้วยซอสสาหร่าย ขิง โรยงา เนื้อปลาสด กรอบ มัน หวาน รสชาติกลมกล่อมจากขิงที่ให้กลิ่นหอมสดชื่นด้วย จานนี้เชฟเพิ่มเลเวลแบบทะเลด้วยการโปะอูนิชิ้นอวบแถมมาด้วย
RED PWAWN lobster bisque + grilled corn salad
จานพิเศษ กุ้งแดงตัวเบิ้มๆ ปรุงกึ่งดิบกึ่งสุก กลิ่นรสคาวคละคลุ้ง เนื้อกุ้งหวานมันกรอบเด้ง ตักกินพร้อมข้าวโพดเหลืองหวานกรอบบ่งบอกถึงความสด และนั่นเห็ดทรัฟเฟิลจากออสเตรเลียสไลด์บางโปะมาอย่างไม่หวงจนหอมเตะจมูก นับว่าเป็นการผสานกันระหว่างของทะเลและของภูเขาแบบที่ไม่เคยกินที่ไหนมาก่อน ทีเด็ดคือส่วนหัวกุ้งที่ต้องแทะเล็มให้ความหวานมันเค็มจากมันกุ้งเยิ้มๆ ผสานเครื่องเทศที่ปรุงเคลือบมาอย่างจัดจ้าน เลอะครับจานนี้ ทั้งมือทั้งปาก
TAMARIND GLAZED QUAIL foie gras & peanut brittle pate + orange confit
นกกระทาจากฝรั่งเศสอบและย่างพร้อมซอสมะขามสูตรเด็ดจนได้เนื้อหอมฉุยแน่นนุ่ม รสจัดจ้านเข้มข้น จิ้มฟัวกราส์เทอรีนแนมกับพริกที่โรยมาให้แกล้มแก้เลี่ยนด้วย ให้มาทั้งตัวแบบนี้ฉีกแบ่งกินกันสนุกเลย อร่อยทุกส่วน
GRILLED ABALONE + PLANKTON RICE caper + butter + lemon
หอยเป๋าฮื้อชิ้นใหญ่มาก ส่งตรงมาจากตลาดปลาสึกิจิโน่นเลย เพียงแค่บั้งเข้ากลางเนื้อและย่างให้สุกพอดี ปรุงรสด้วยเกลือกับพริกไทยเล็กน้อย ก็ได้ลิ้มรสหวานสดใหม่สัมผัสทั้งนุ่มทั้งกรอบเด้งของหอยได้แล้ว แต่ตัวริซ็อตโต้ที่ทำมาอย่างดีรสเข้มข้นจากแพลงตอนผสมเนยตัดเลี่ยนด้วยเลมอน เป็นสูตรเด็ดที่ทำให้จานนี้คุ้มค่าและน่าสนใจทีเดียว
RED CURRY OXTAIL + BONE MARROW kaffir lime + basil + coriander
เป็นจานซิกเนเจอร์ที่ขึ้นหน้าขึ้นตาของที่นี่ เชฟนำเนื้อที่ติดกระดูก Marrow bone ไปตุ๋นกับแกงแดงของไทย เมื่อตุ๋นจนทุกอย่างเปื่อยได้ดังใจแล้ว ก็ปรุงรสมาตักเสิร์ฟบนกระดูกชิ้นโต ใช้ขนมปัง(อร่อยมาก)ที่เสิร์ฟมาพร้อมกันจิ้มกิน นัวมากๆ แต่สารภาพว่ามาถึงตรงนี้ จานนี้ต้องแบ่งกันกินแล้วล่ะ
CHARRED HAMACHI COLLAR sea urchin butter + garlic + scallion
เมนูยอดนิยมในหลายร้านสไตล์กริลล์ ซึ่งหากวัดกันที่สกิลล์การย่างก็ฝีมือของทีมเชฟทิมก็ไม่เป็นสองรองใคร หนังรอบนอกกรอบเกรียมหอมกลิ่นถ่าน แซะเนื้อออกมาเห็นสีขาวนวลฟูเป็นลิ่มน่ากินมาก เนื้อปลาหวานสดบีบมะนาวสาดเล็กน้อย จิ้มกินกับเนยอูนิเข้ากั๊นเข้ากัน
จะบอกว่าแม้จะอิ่มตื้อขนาดไหน ก็ต้องไม่พลาดของหวานที่ซีเรียสไม่แพ้อาหาร หรืออย่างน้อยก็ต้องโดนไอศกรีมโฮมเมดของที่นี่สักตัวก่อนกลับ รับรองหลับสบาย.
EAT ME Restaurant
